การรักษาฝ้า
การรักษาฝ้าและการเลเซอร์
◉ ฝ้า เป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อย ซึ่งไม่ได้มีมาแต่กำเนิด โดยมีลักษณะเป็นปื้นหรือแผ่นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม พบมากที่สุดบนใบหน้า และพบมากในผู้หญิงถึง 90% โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 30-40 ปี ขึ้นไป
*การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแต่ละบุคคล
◉ ประเภทของฝ้ามีอยู่ 2 ประเภท
1.ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า ฝ้าชนิดนี้ เกิดขึ้นได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้โดยใช้เวลาไม่นาน
2.ฝ้าแบบลึก จะอยู่ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า ความลึกของมันจะทำให้เกิดการแสดงสีออกมา เป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก การทายามักให้ผลเพียงแค่ทำให้ดูจางลงเท่านั้น
◉ สาเหตุของการเกิดฝ้า
1.แสงแดด เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าที่สำคัญ เมื่อผิวเราได้รับแสงแดดมาก เมลานินที่อยู่ในผิวหน้าก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย
2.กรรมพันธุ์ คนในครอบครัวสามารถเกิดฝ้า มากกว่าร้อยละ 30% หรืออยู่ที่สภาพแวดล้อมของบ้านด้วย
3.ฮอร์โมน เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าได้เช่นกัน
4.เครื่องสำอางบางชนิด ซึ่งส่วนผสมของเครื่องสำอางเหล่านี้อาจเป็นกลิ่นหรือสี ทำให้เกิดฝ้าลึกได้
5.ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด
6.ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ มีโอกาสเป็นฝ้ามากกว่าคนปกติถึง 4 เท่า
*การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแต่ละบุคคล
◉ วิธีการรักษา
1.ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด ถ้าหากต้องเผชิญแสงแดดก็ควรแต่งกายแบบไม่เผยผิวพร้อมกับทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากรังสียูวี โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป
2.เลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้า ที่มี วิตามินซี รวมไปถึงครีมทาฝ้าหรือครีมแก้ฝ้า
3.การทำทรีตเมนต์รวมไปถึงการรักษาด้วยวิธีต่างๆ หรือเลือกรับประทานทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี
4.การเลเซอร์ เพื่อลดเม็ดสีและดึงเม็ดสีใต้ผิวหนังออกมา
◉ เลเซอร์ คืออะไร?
เลเซอร์ คือคลื่นแสงที่มีพลังงานเข้มข้นสูง โดยความยาวของคลื่นแสงอาจอยู่ในช่วงของแสงยูวี แสงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือแสงอินฟราเรดก็ได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์
เลเซอร์มีลักษณะเป็นลำแสง มีจุดโฟกัสแม่นยำ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง โดยเลเซอร์แต่ละชนิดอาจสามารถรักษาปัญหาผิวได้เพียงอย่างเดียว หรือรักษาได้หลายปัญหาก็ได้ การรักษาผิวด้วยเลเซอร์ควรทำอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีสุด ผลลัพธ์ของการรักษาจะแตกต่างกันไปตามปัญหาผิวของแต่ละบุคคล
*การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแต่ละบุคคล
◉ การทำเลเซอร์ผิวหนังช่วยรักษาปัญหาผิวพรรณได้ โดยทั่วไปแล้ว การทำเลเซอร์จะรักษาปัญหาผิวพรรณด้านต่าง ๆ ดังนี้
1.เม็ดสีผิดปกติหรือรอยสัก เลเซอร์ผิวหนังใช้รักษาผู้ที่เม็ดสีผิวผิดปกติ เช่น รอยปาน ฝ้า
2.เนื้องอกหลอดเลือด ผู้ที่มีปานแดง เส้นเลือดฝอยบนใบหน้าหรือบริเวณคอขยายตัวผิดปกติ
3.การกำจัดขน เลเซอร์ใช้กำจัดขนได้
4.การฟื้นฟูปรับสภาพผิว การทำเลเซอร์ปรับสภาพผิวจะครอบคลุมปัญหารอยเหี่ยวย่น รอยแผลเป็น และผิวไหม้จากแสงแดด
5.รอยแผลเป็นที่นูนหนา ผู้ที่มีรอยแผลเป็นนูนและหนา หรือผู้ที่เกิดแผลคีลอยด์
*ลักษณะอาการแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ บางคนเป็นไม่เยอะก็รักษาหายใช้เวลาไม่นาน บางคนอาการรุนแรงอาจจะใช้เวลานานในการรักษา
◉ การทำเลเซอร์เพื่อฟื้นฟูและปรับภาพผิวที่มีปัญหาผิวพรรณต่อไปนี้
1.จุดด่างดำ กระแดด
2.หลุมสิวหรือรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว
3.ผิวหนังกลับมาหย่อนคล้อยหลังจากยกกระชับผิว
4.ริ้วรอยหรือรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา บริเวณปาก หรือบนหน้าผาก
◉ วิธีดูแลผิวหลังทำเลเซอร์ ควรดูแลผิวของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้บริเวณที่ทำเลเซอร์หายดีและเห็นผลอย่างชัดเจน
1.ควรทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่ถูกยิงเลเซอร์วันละ 4-5 ครั้ง และหมั่นทาขี้ผึ้งเพื่อไม่ให้เกิดสะเก็ดแผล
2.ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดดหรือค่าเอสพีเอฟ 30 ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวที่บางลงหลังทำเลเซอร์
3.รอประมาณ 10 -21 วันผิวหนังที่ถูกยิงเลเซอร์จึงจะหายดี ผู้ป่วยสามารถแต่งหน้าได้ โดยใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน
4.เมื่อถึงเวลานอน อาจนำหมอนมารองหนุนให้สูงเพื่อช่วยลดอาการบวมที่เกิดขึ้นหลังจากทำเลเซอร์ผิวหนัง
สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง ประสบการณ์กว่า 22 ปี
ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา
จันทร์ ถึง ศุกร์ 12.00 น. - 20.00 น.
เสาร์ ถึง อาทิตย์ 12.00 น. - 17.00 น.
#โทร : 088-521-8585
#Line : 1999MSC
#คลินิกผิวหนังมหานคร